NT ผนึกกำลังหนุน SME D Bank ต่อยอดศักยภาพลูกค้าเอสเอ็มอี ยกระดับเทคโนโลยีก้าวสู่ธุรกิจยุคดิจิทัล

     NT ผนึกความร่วมมือ SME D Bank สนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเพิ่มศักยภาพด้านเทคโนโลยีสื่อสาร ก้าวทันธุรกิจยุคดิจิทัลในอนาคตด้วยโครงสร้างพื้นฐานและบริการของ NT พร้อมเติมทุนสินเชื่อปรับปรุงระบบเทคโนโลยีทันสมัยอัตราดอกเบี้ยพิเศษเพียง 3% ต่อปี 

      พันเอก สรรพชัยย์ หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT และ นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) โครงการความร่วมมือเพื่อพัฒนาการให้บริการระบบสื่อสารโทรคมนาคมและบริการอื่นๆ ณ อาคาร 9 NT สำนักงานแจ้งวัฒนะ   

     พันเอก สรรพชัยย์ หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT กล่าวว่า ผู้ประกอบการรายย่อยหรือ SMEs มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศ  NT พร้อมที่จะร่วมมือสนับสนุน SME D Bank อย่างเต็มที่ในการยกระดับเทคโนโลยีด้านการสื่อสารและเพิ่มศักยภาพแก่ผู้ประกอบการรายย่อยซึ่งเป็นลูกค้าของ SME D Bank ด้วยจุดแข็งด้านโครงสร้างพื้นฐานระบบสื่อสารโทรคมนาคมและระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ด้วยบริการสื่อสารดิจิทัลและโทรคมนาคมที่ทันสมัยของ NT ซึ่งประกอบด้วยบริการโครงสร้างพื้นฐานทั้งอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง ดาต้าเซ็นเตอร์มาตรฐานสากลรวมถึงบริการในกลุ่ม Digital Solution Platform, Application Software, Multimedia Conference, CCTV, และ Cyber Security 

     นอกจากนี้ ยังรวมถึงบริการด้าน Big Data และ AI ที่เป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน รวมถึงช่วยให้ลูกค้าผู้ประกอบการเอสเอ็มอีของ SME D Bank สามารถพัฒนาปรับเปลี่ยนไปสู่ Digital Transformation  ได้แก่ บริการ Ultimate Connect (AI Voice Bot), บริการ Bingsu (AI Chat Bot),  บริการระบบขายและบัญชี Acc Cloud เป็นต้น  โดยบริการเหล่านี้จะเป็นเครื่องมือให้ SME D Bank และผู้ประกอบการ SMEs ได้พัฒนาการดำเนินงาน เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และพัฒนาขยายตลาด  รองรับการยกระดับประสิทธิภาพการดำเนินงานเพิ่มความคล่องตัวในการแข่งขันทางธุรกิจของผู้ประกอบการในปัจจุบันและอนาคต

     พิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank  กล่าวว่า การลงนามความร่วมมือครั้งนี้ เป็นการบูรณาการนำจุดเด่นของ 2 หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ มาร่วมกันยกระดับพัฒนาเทคโนโลยีระบบสื่อสารโทรคมนาคมและระบบดิจิทัลของธนาคาร เพิ่มศักยภาพการให้บริการแก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีได้อย่างครบวงจร  สะดวก รวดเร็ว และทันต่อสถานการณ์ รวมถึง สนับสนุนให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เข้าถึงเทคโนโลยีการสื่อสารที่ทันสมัย  มีคุณภาพ ต้นทุนประหยัด ช่วยสร้างประโยชน์ให้พร้อมต่อการดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดทั้งในยุคปัจจุบันและอนาคต

     สำหรับแนวทางความร่วมมือประกอบด้วย การพัฒนาบุคลากรด้านเทคโนโลยีสารสนเทศให้มีทักษะ ความเชี่ยวชาญ และมีศักยภาพเพิ่มขึ้น  อีกทั้ง จัดกิจกรรมส่งเสริมความรู้ให้ลูกค้าธนาคาร ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี  ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรมการสื่อสารในการบริหารจัดการองค์กรและขยายธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงได้รับสิทธิพิเศษในการสนับสนุนการใช้บริการเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ตลอดจนเทคโนโลยีดิจิทัล และนวัตกรรม  เพื่อรองรับการใช้งานระบบเครือข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร

    นอกจากนั้น สำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ที่ต้องการเงินทุนเพื่อลงทุนยกระดับปรับปรุงด้านระบบเทคโนโลยีต่างๆ หรือเสริมสภาพคล่องหมุนเวียนในธุรกิจ  SME D Bank พร้อมสนับสนุนสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษ  ผ่านโครงการสินเชื่อตามนโยบายรัฐ (Public Service Account : PSA)  มีจุดเด่นอัตราดอกเบี้ยพิเศษเพียง 3% ต่อปี คงที่ตลอด 3 ปีแรก  ผ่อนชำระนานสูงสุด 10 ปี ปลอดชำระหนี้เงินต้นสูงสุด 12 เดือน ควบคู่กับมอบบริการด้าน “การพัฒนา” ครบวงจรผ่านแพลตฟอร์ม DX by SME D Bank (dx.smebank.co.th)  ซึ่งจะช่วยผู้ประกอบการยกระดับธุรกิจ เพิ่มขีดความสามารในการแข่งขัน และเดินหน้ากิจการ

RELATED NEWS

ทรู คอร์ปอเรชั่น ติดตั้งพร้อมเปิดใช้งานสถานีฐานมือถือ “ภูมะเขือกลาง–ภูมะเขือบน” เสริมสัญญาณ 5G/4G/3G รองรับภารกิจเจ้าหน้าที่รัฐและกองทัพไทย 12 กันยายน 2568 – ทรู คอร์ปอเรชั่น ร่วมกับกองทัพไทย และสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ประกาศความพร้อมในการเปิดใช้งานสถานีฐานมือถือที่ “ภูมะเขือกลางและภูมะเขือบน” โดยเครือข่ายที่ติดตั้งครอบคลุมการใช้งาน 5G, 4G และ 3G รองรับการสื่อสารของหน่วยงานภาครัฐและกองทัพที่ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ภูมะเขือ ทั้งนี้ พื้นที่ดังกล่าวเดิมไม่มีสัญญาณสื่อสารมือถือ ทำให้การติดต่อสื่อสารของหน่วยงานเป็นไปอย่างจำกัด ทรู คอร์ปอเรชั่น จึงได้เร่งดำเนินการตามคำขอของภาครัฐในการเพิ่มสัญญาณเพื่อภารกิจความมั่นคงและปฏิบัติควบคู่ไปกับมาตรการควบคุมเสาสัญญาณของ กสทช. “ภูมะเขือ” ถือเป็นพื้นที่สำคัญที่กองทัพไทยใช้ปฏิบัติภารกิจเพื่อป้องกันอธิปไตยของชาติและรักษาความมั่นคง ดังนั้น การขยายสัญญาณมือถือของทรูในครั้งนี้ ได้นำ 5G, 4G, 3G มุ่งเน้นการสนับสนุนการสื่อสารเชื่อมต่อระหว่างหน่วยปฏิบัติการ การรายงานสถานการณ์แบบเรียลไทม์ การส่งข้อมูลภาพและวิดีโอ รวมถึงการดูแลและซ่อมบำรุงสถานีฐานเพื่อให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ภาครัฐและกองทัพไทย นายจักรกฤษณ์ อุไรรัตน์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านกิจการองค์กร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เราได้สนับสนุนกองทัพไทยในการรักษาความมั่นคงชายแดนอย่างเต็มที่ หลังได้รับการประสานจากกองทัพ และ สำนักงาน กสทช. แจ้งว่าพื้นที่ภูมะเขือไม่มีสัญญาณสื่อสารมือถือ ทำให้การติดต่อสื่อสารของหน่วยงานภาครัฐเป็นไปอย่างยากลำบาก ทีมงานทรูจึงได้เข้าไปร่วมสำรวจพื้นที่กับหน่วยงานภาครัฐ ประสานงานกับการไฟฟ้าภูมิภาค จนสามารถดำเนินการติดตั้งอุปกรณ์สัญญาณมือถือบนเสาไฟฟ้าในพื้นที่ภูมะเขือ ทั้งบริเวณกลางและบนยอด ทำให้ล่าสุดหน่วยงานภาครัฐและกองทัพไทยสามารถสื่อสารผ่านมือถือทั้ง 5G, 4G, 3G ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยครอบคลุมเฉพาะพื้นที่ที่กองทัพไทยประจำการเท่านั้น ขณะเดียวกัน เราได้ระงับสัญญาณมือถือในพื้นที่ชายแดนตามมาตรการที่ตกลงร่วมกับภาครัฐ และ กสทช. อย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันไม่ให้สัญญาณทรูถูกนำไปใช้นอกประเทศ และลดความเสี่ยงจากการใช้สัญญาณผิดวัตถุประสงค์เพื่อความปลอดภัยของประชาชน” นายประเทศ ตันกุรานันท์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านเทคโนโลยีและความปลอดภัยระบบสารสนเทศ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เราได้ร่วมมือในการขยายสัญญาณสื่อสารเพื่อสนับสนุนการทำงานของหน่วยงานภาครัฐและกองทัพที่ปฏิบัติภารกิจบนพื้นที่ภูมะเขือ โดยติดตั้งสถานีฐานใหม่ให้ครอบคลุมการใช้งานด้วยคลื่น 700 MHz และ 900 MHz ซึ่งรองรับทั้ง 5G, 4G และ 3G พร้อมกำหนดพื้นที่ให้สัญญาณครอบคลุมเฉพาะบริเวณที่เจ้าหน้าที่ประจำการ เพื่อให้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด” การติดตั้งสถานีฐานบนภูมะเขือครั้งนี้ เป็นความร่วมมือที่ต่อเนื่องในการพัฒนาความครอบคลุมของสัญญาณ ตามคำขอจากภาครัฐ และ กสทช. หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้สนับสนุนการเพิ่มสัญญาณแบบเร่งด่วน โดยปรับทิศทางการส่งสัญญาณจากเสาที่ผามออีแดงมายังภูมะเขือ การดำเนินการครั้งนั้นใช้คลื่น 700 MHz ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงในการกระจายสัญญาณระยะไกลจากผามออีแดง ให้บริการทั้ง 5G และ 4G และยังเสริมด้วยคลื่น 2100 MHz เพื่อให้บริการ 4G และ 3G ครอบคลุมพื้นที่สูงบนภูมะเขือได้ดียิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน เสาสัญญาณต่างๆ ในพื้นที่ใกล้ชายแดนไทย-กัมพูชา ทรู คอร์ปอเรชั่นยังนำระบบ AI-CODC (Cell Outage Detection & Compensation) มาใช้เพื่อดูแลสถานีฐาน โดยระบบนี้เป็น Self Healing Network ใช้ปัญญาประดิษฐ์บริหารจัดการเครือข่ายและมอนิเตอร์ได้แบบเรียลไทม์ ซึ่งทำหน้าที่ปรับจูนสัญญาณอัตโนมัติจากสถานีฐานอื่นที่ใกล้เคียง เพื่อมาชดเชยสัญญาณเครือข่ายในพื้นที่ที่สถานีฐานแห่งนั้นประสบปัญหา ทำให้สัญญาณยังคงครอบคลุมการให้บริการได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งช่วยลดความจำเป็นในการส่งทีมเจ้าหน้าที่เข้าไปปฏิบัติงานในพื้นที่เสี่ยงและเพื่อความปลอดภัย แต่ยังคงคุณภาพการให้บริการที่มีประสิทธิภาพในพื้นที่

Follow Us

Lasted News

ทรู คอร์ปอเรชั่น ติดตั้งพร้อมเปิดใช้งานสถานีฐานมือถือ “ภูมะเขือกลาง–ภูมะเขือบน” เสริมสัญญาณ 5G/4G/3G รองรับภารกิจเจ้าหน้าที่รัฐและกองทัพไทย 12 กันยายน 2568 – ทรู คอร์ปอเรชั่น ร่วมกับกองทัพไทย และสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ประกาศความพร้อมในการเปิดใช้งานสถานีฐานมือถือที่ “ภูมะเขือกลางและภูมะเขือบน” โดยเครือข่ายที่ติดตั้งครอบคลุมการใช้งาน 5G, 4G และ 3G รองรับการสื่อสารของหน่วยงานภาครัฐและกองทัพที่ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ภูมะเขือ ทั้งนี้ พื้นที่ดังกล่าวเดิมไม่มีสัญญาณสื่อสารมือถือ ทำให้การติดต่อสื่อสารของหน่วยงานเป็นไปอย่างจำกัด ทรู คอร์ปอเรชั่น จึงได้เร่งดำเนินการตามคำขอของภาครัฐในการเพิ่มสัญญาณเพื่อภารกิจความมั่นคงและปฏิบัติควบคู่ไปกับมาตรการควบคุมเสาสัญญาณของ กสทช. “ภูมะเขือ” ถือเป็นพื้นที่สำคัญที่กองทัพไทยใช้ปฏิบัติภารกิจเพื่อป้องกันอธิปไตยของชาติและรักษาความมั่นคง ดังนั้น การขยายสัญญาณมือถือของทรูในครั้งนี้ ได้นำ 5G, 4G, 3G มุ่งเน้นการสนับสนุนการสื่อสารเชื่อมต่อระหว่างหน่วยปฏิบัติการ การรายงานสถานการณ์แบบเรียลไทม์ การส่งข้อมูลภาพและวิดีโอ รวมถึงการดูแลและซ่อมบำรุงสถานีฐานเพื่อให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ภาครัฐและกองทัพไทย นายจักรกฤษณ์ อุไรรัตน์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านกิจการองค์กร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เราได้สนับสนุนกองทัพไทยในการรักษาความมั่นคงชายแดนอย่างเต็มที่ หลังได้รับการประสานจากกองทัพ และ สำนักงาน กสทช. แจ้งว่าพื้นที่ภูมะเขือไม่มีสัญญาณสื่อสารมือถือ ทำให้การติดต่อสื่อสารของหน่วยงานภาครัฐเป็นไปอย่างยากลำบาก ทีมงานทรูจึงได้เข้าไปร่วมสำรวจพื้นที่กับหน่วยงานภาครัฐ ประสานงานกับการไฟฟ้าภูมิภาค จนสามารถดำเนินการติดตั้งอุปกรณ์สัญญาณมือถือบนเสาไฟฟ้าในพื้นที่ภูมะเขือ ทั้งบริเวณกลางและบนยอด ทำให้ล่าสุดหน่วยงานภาครัฐและกองทัพไทยสามารถสื่อสารผ่านมือถือทั้ง 5G, 4G, 3G ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยครอบคลุมเฉพาะพื้นที่ที่กองทัพไทยประจำการเท่านั้น ขณะเดียวกัน เราได้ระงับสัญญาณมือถือในพื้นที่ชายแดนตามมาตรการที่ตกลงร่วมกับภาครัฐ และ กสทช. อย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันไม่ให้สัญญาณทรูถูกนำไปใช้นอกประเทศ และลดความเสี่ยงจากการใช้สัญญาณผิดวัตถุประสงค์เพื่อความปลอดภัยของประชาชน” นายประเทศ ตันกุรานันท์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านเทคโนโลยีและความปลอดภัยระบบสารสนเทศ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เราได้ร่วมมือในการขยายสัญญาณสื่อสารเพื่อสนับสนุนการทำงานของหน่วยงานภาครัฐและกองทัพที่ปฏิบัติภารกิจบนพื้นที่ภูมะเขือ โดยติดตั้งสถานีฐานใหม่ให้ครอบคลุมการใช้งานด้วยคลื่น 700 MHz และ 900 MHz ซึ่งรองรับทั้ง 5G, 4G และ 3G พร้อมกำหนดพื้นที่ให้สัญญาณครอบคลุมเฉพาะบริเวณที่เจ้าหน้าที่ประจำการ เพื่อให้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด” การติดตั้งสถานีฐานบนภูมะเขือครั้งนี้ เป็นความร่วมมือที่ต่อเนื่องในการพัฒนาความครอบคลุมของสัญญาณ ตามคำขอจากภาครัฐ และ กสทช. หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้สนับสนุนการเพิ่มสัญญาณแบบเร่งด่วน โดยปรับทิศทางการส่งสัญญาณจากเสาที่ผามออีแดงมายังภูมะเขือ การดำเนินการครั้งนั้นใช้คลื่น 700 MHz ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงในการกระจายสัญญาณระยะไกลจากผามออีแดง ให้บริการทั้ง 5G และ 4G และยังเสริมด้วยคลื่น 2100 MHz เพื่อให้บริการ 4G และ 3G ครอบคลุมพื้นที่สูงบนภูมะเขือได้ดียิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน เสาสัญญาณต่างๆ ในพื้นที่ใกล้ชายแดนไทย-กัมพูชา ทรู คอร์ปอเรชั่นยังนำระบบ AI-CODC (Cell Outage Detection & Compensation) มาใช้เพื่อดูแลสถานีฐาน โดยระบบนี้เป็น Self Healing Network ใช้ปัญญาประดิษฐ์บริหารจัดการเครือข่ายและมอนิเตอร์ได้แบบเรียลไทม์ ซึ่งทำหน้าที่ปรับจูนสัญญาณอัตโนมัติจากสถานีฐานอื่นที่ใกล้เคียง เพื่อมาชดเชยสัญญาณเครือข่ายในพื้นที่ที่สถานีฐานแห่งนั้นประสบปัญหา ทำให้สัญญาณยังคงครอบคลุมการให้บริการได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งช่วยลดความจำเป็นในการส่งทีมเจ้าหน้าที่เข้าไปปฏิบัติงานในพื้นที่เสี่ยงและเพื่อความปลอดภัย แต่ยังคงคุณภาพการให้บริการที่มีประสิทธิภาพในพื้นที่

Scroll to Top