อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส (Amazon Web Services: AWS) ได้ให้บริการลูกค้าในประเทศไทยมาตั้งแต่ปี 2549 และต่อมาได้เปิดสำนักงานในกรุงเทพฯ ในปี 2558 เพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมและส่งเสริมองค์กรทั่วทุกอุตสาหกรรมในประเทศไทยด้วยเทคโนโลยีคลาวด์ขั้นสูง ในวันนี้ AWS ได้ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการลงทุนในไทย ด้วยการประกาศว่า AWS Asia Pacific (Bangkok) Region ใหม่จะเปิดให้บริการในช่วงต้นปี 2568 การลงทุนมากกว่า 1.9 แสนล้านบาท (หรือ 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ) ในประเทศไทยจนถึงปี 2580 จะช่วยให้นักพัฒนา สตาร์ทอัพ ผู้ประกอบการ และองค์กรต่าง ๆ รวมถึงหน่วยงานภาครัฐ สถาบันการศึกษา และองค์กรไม่แสวงผลกําไร สามารถเลือกใช้บริการคลาวด์สำหรับรันแอปพลิเคชันและให้บริการแก่ผู้ใช้ปลายทางจากศูนย์ข้อมูลที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย
AWS Region ใหม่ที่กำลังจะเปิดใช้งานนี้เป็นโครงสร้างพื้นฐานของ AWS ในประเทศไทย ซึ่งเพิ่มเติมจาก Amazon CloudFront edge ทั้งหมด 10 แห่งรวมถึง AWS Outposts และ AWS Local Zone ที่มีอยู่แล้วในประเทศไทย AWS Region ใหม่นี้ถือเป็น Region ทื่สี่ของ AWS ที่เปิดตัวในภูมิภาคอาเซียนซึ่งประกอบไปด้วยสิงคโปร์ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ที่คาดว่าจะเปิดให้บริการในปี 2567 นี้ ช่วยให้ลูกค้าสามารถเก็บข้อมูลของตนไว้ในประเทศไทย ช่วยให้ลูกค้าสามารถลดความหน่วงของการรับส่งข้อมูลได้มากยิ่งขึ้น และตอบสนองความต้องการที่เติบโตขึ้นอยากมากในการใช้คลาวด์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เศรษฐกิจดิจิทัลที่กำลังเติบโตของประเทศไทยกำลังขับเคลื่อนให้ประเทศก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมในภูมิภาคภายใต้วิสัยทัศน์ “Ignite Thailand” ของภาครัฐ การเป็นศูนย์รวมของการลงทุน บวกกับวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนสำหรับอนาคตดิจิทัลของประเทศ และความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี ได้จุดประกายการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ที่กำลังจะพลิกโฉมอุตสาหกรรมต่าง ๆ เพิ่มขีดความสามารถให้กับธุรกิจ และยกระดับประเทศสู่เวทีโลก
AWS Region ในประเทศไทยจะมีบทบาทสำคัญ ในการขับเคลื่อนประเทศไทยในด้านดิจิทัล และรองรับความต้องการของตลาดในด้านเทคโนโลยีคลาวด์ เพื่อส่งเสริมนวัตกรรมทั้งในประเทศไทยและทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งสอดคล้องไปกับวิสัยทัศน์ “Ignite Thailand” และนโยบาย “Cloud-First” ของภาครัฐ ที่มุ่งพัฒนาประเทศไทยให้กลายเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิทัลด้วยการขับเคลื่อนนวัตกรรม ความคิดสร้างสรรค์ และเทคโนโลยี โครงสร้างพื้นฐานแห่งใหม่นี้จะช่วยให้ลูกค้าตั้งแต่สตาร์ทอัพ ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMB) ไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่ และหน่วยงานภาครัฐ สามารถร่วมมือ ทดลอง พัฒนาและเติบโตไปด้วยกันการเข้าถึงเทคโนโลยีล่าสุด เช่น Generative AI, แมชชีนเลิร์นนิง (Machine Learning: ML), Internet of Things (IoT) และอื่น ๆ อีกมากมาย
เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “การลงทุน 5 พันล้านเหรียญสหรัฐของ AWS ในการสร้าง AWS Thailand Region แห่งใหม่ ซึ่งจะช่วยผลักดันให้การเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลของประเทศไทยก้าวไปอีกขั้น การลงทุนครั้งนี้ช่วยเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ เพิ่มโอกาส และความสามารถในการแข่งขันของไทย และส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจ ผู้ประกอบการ และสตาร์ทอัพไทยนับพันราย
สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของนโยบาย Cloud First ที่สนับสนุนให้ไทยเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิทัลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เชื่อว่า AWS Thailand Region จะสนับสนุนโอกาสทางเศรษฐกิจ เสริมสร้างทักษะดิจิทัลให้แก่บุคลากรของเรา รวมถึงขับเคลื่อนนวัตกรรม รัฐบาลพร้อมที่จะร่วมมือกับ AWS เพื่อดึงศักยภาพและสร้างประโยชน์สูงสุดจากการพัฒนาครั้งนี้ไปสู่ประชาชนชาวไทยทุกคน ซึ่งถือเป็นการวางรากฐานที่สำคัญ ผลักดันให้ไทยก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านเศรษฐกิจดิจิทัล และความสามารถในการแข่งขันบนเวทีโลก”
ผลักดันการเปลี่ยนแปลงด้านดิจิทัลสำหรับลูกค้าในประเทศและ AWS Partner
ในประเทศไทย ทีมงานของ AWS ประกอบด้วยพนักงานหลายส่วนที่มาจากหลากหลายสาขาอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายขาย Solutions Architect ฝ่ายฝึกอบรมพัฒนาบุคลากร หรือฝ่ายพัฒนาด้านธุรกิจ ทุกหน่วยงานมีศักยภาพ พร้อมรองรับลูกค้าและ AWS Partner ทุกขนาดในการสร้างบน AWS ยกตัวอย่างเช่น 2C2P, Accenture, aCommerce, Amity, Ascend Money, AXONS, บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ, DailiTech, G-Able, กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคิน, บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน), MONIX, NocNoc, ปตท. จำกัด, บริษัท เอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SiS, และโตโยต้า เป็นต้น
วัตสัน ถิรภัทรพงศ์ Country Manager ประจำประเทศไทย AWS กล่าวว่า “ลูกค้าของเราในประเทศไทยเช่น บางกอกแอร์เวย์ส, บริษัท ซีพี ออลล์ จํากัด (มหาชน), บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (PTTGC), และธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ได้ใช้งานบนระบบคลาวด์ที่กว้างขวางและครอบคลุมของ AWS เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรม เพิ่มประสิทธิภาพ และส่งเสริมความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และการเปิดตัว AWS Thailand Region ภายในต้นปี 2568 นี้ จะยิ่งช่วยผลักดันให้ประเทศไทยกลายเป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยีภายในภูมิภาค โดยเรามีความยินดีอย่างยิ่งในการส่งเสริมอนาคตที่รุ่งเรืองสำหรับลูกค้าและพาร์ทเนอร์ของเราทุกราย”
ความสนใจใน Generative AI ที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในประเทศไทย
เทคโนโลยี Generative AI เป็นประเภทของของปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถสร้างสรรค์เนื้อหาและแนวคิดใหม่ ๆ ได้ จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้แก่สังคมและอุตสาหกรรมต่าง ๆ ในปัจจุบันเราได้เห็นถึงความสนใจของประชาชนทั่วไปใน Generative AI ที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และการเปิดตัวของ AWS Thailand Region ใหม่นี้ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในระยะยาวที่ AWS มีให้แก่ลูกค้า เพื่อที่พวกเขาจะได้นำเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น AI หรือ ML มาประยุกต์ใช้ได้อย่างง่ายดาย
ความต้องการทักษะด้านคลาวด์และดิจิทัลในประเทศไทยกำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ประเทศไทยกำลังเผชิญกับปัญหาขาดแคลนทักษะด้าน AI ในบุคลากรไทย 64% ของนายจ้างในประเทศไทยระบุว่าไม่สามารถหาบุคลากรที่มีทักษะ AI ตามที่ต้องการได้ ข้อมูลนี้มาจากการศึกษาในหัวข้อ “การยกระดับทักษะด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI): การเตรียมความพร้อมบุคลากรในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกสู่งานแห่งอนาคต” ซึ่งเป็นการศึกษาล่าสุดเกี่ยวกับทักษะดิจิทัลด้าน AI โดย Access Partnership และ AWS ที่ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของทักษะ AI ทั้งสำหรับนายจ้างและบุคลากรในประเทศไทย
AWS มุ่งมั่นที่จะฝึกอบรมคนไทย โดยได้ฝึกอบรมบุคลากรมาแล้วกว่า 50,000 คนในประเทศไทยด้วยทักษะด้านคลาวด์ตั้งแต่ปี 2560 และจะฝึกอบรมให้ถึง 100,000 คนภายในปี 2569 ทั้งนี้ AWS ได้ร่วมมือกับองค์กรต่าง ๆ เช่น กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (MDES), กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (MHESI), และองค์กรชั้นนำต่าง ๆ ในภาคเอกชนเช่น CPF และกลุ่มเซ็นทรัล ไปจนถึงโปรแกรมฝึกอบรมและการรับรองมาตรฐานของ AWS อีกมากมาย
เดือนพฤศจิกายน 2566 บริษัท Amazon ได้เปิดตัวโครงการ ‘AI Ready’ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นที่ AWS มี ในการฝึกอบรมทักษะด้านคลาวด์ให้กับผู้คนจำนวน 29 ล้านคนทั่วโลกภายในปี 2568 โครงการ ‘AI Ready’ นำเสนอหลักสูตรฝึกอบรมด้าน AI และ Generative AI แบบไม่เสียค่าใช้จ่าย ที่เหมาะกับผู้เรียนไม่ว่าจะต้องการเน้นทักษะเทคนิคเฉพาะทางหรือไม่ก็ตาม เพื่อให้ทุกคนมีโอกาสเสริมสร้างทักษะด้าน AI ได้ในแบบที่ต้องการ
ปัจจุบัน AWS Academyช่วยให้สถาบันอุดมศึกษาเข้าถึงหลักสูตรด้านคลาวด์ที่พร้อมสอนฟรี ซึ่งเตรียมความพร้อมให้นักเรียนสามารถสอบเพื่อรับใบรับรองที่เป็นที่ยอมรับในอุตสาหกรรมและสายงานคลาวด์ที่เป็นที่ต้องการ โดยปัจจุบันมีนักศึกษาจาก 26 สถาบันในประเทศไทย เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นต้น ที่สามารถเข้าถึงหลักสูตรนี้ได้
AWS ยังได้เปิดตัวโปรแกรมฝึกอบรมละการรับรองมาตรฐานอื่น ๆ อีกมากมายในประเทศไทย เพื่อให้ผู้เรียนได้มีทักษะด้านดิจิทัลที่จำเป็นและช่วยให้ประสบความสำเร็จในสายงานด้านดิจิทัลได้ เช่น AWS Skill Builder ซึ่งเป็นการเรียนรู้ในรูปแบบดิจิทัลที่มีหลักสูตรออนไลน์ด้านทักษะคลาวด์ฟรีมากกว่า 600 หลักสูตร รวมถึง 62 หลักสูตรที่เป็นภาษาไทย นอกจากนี้ยังมีศูนย์การเรียนรู้ออนไลน์ใหม่ที่ช่วยให้สามารถสร้างทักษะด้าน AWS Cloud ได้ง่ายขึ้น และการฝึกอบรมดิจิทัลแบบเรียนด้วยตนเองตามความสะดวกของแต่ละบุคคล