อินฟินิกซ์ (Infinix) ประกาศความร่วมมือ เจบีแอล (JBL) สร้างสรรค์ประสบการณ์เสียงที่ดีที่สุดในสมาร์ตโฟนซีรีส์ NOTE 40 ความร่วมมือครั้งนี้ประสบความสำเร็จในการส่งลำโพงคู่แบบใหม่ หรือ Dual Speaker บนซีรีส์ NOTE 40 ที่ดีไซน์อย่างพิถีพิถันเพื่อมอบคุณภาพเสียงที่ยอดเยี่ยมเหนือระดับอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ผสานพลังความคุ้มค่ากับชิปเซ็ตล่าสุด Cheetah X1 เอกสิทธ์เฉพาะของอินฟินิกซ์ที่พร้อมจะมาพลิกโฉมนวัตกรรมการชาร์จให้กับผู้ใช้งานสมาร์ตโฟน
เว่ยจี เน่ย ผู้อำนวยการฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ บริษัท อินฟินิกซ์ กล่าวว่า “ในซีรีส์ NOTE40 อินฟินิกซ์ยังคงมุ่งมั่นในการยกระดับเทคโนโลยี ด้วยการผสานกับความเหนือระดับของระบบเสียงจาก JBL ทำให้มั่นใจได้ว่าระบบเสียงครั้งนี้จะทรงพลังให้ผู้ใช้งานได้สัมผัสกับประสบการณ์ด้านเสียงที่ดีที่สุด”
รั่วมู่ ฮู รองประธานและผู้จัดการทั่วไปบริษัท ฮาร์แมน เอ็มเบด ออดิโอ กล่าวว่า “แบรนด์ JBL มุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์เสียงที่ดีที่สุด ซึ่งเป็นไปตามวิสัยทัศน์และความต้องการของอินฟินิกซ์ ที่มุ่งมั่นพัฒนาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการอย่างครอบคลุมให้กับผู้ใช้งาน จึงทำให้การ่วมมือกันในครั้งนี้เป็นไปอย่างสมบูรณ์แบบ และ JBL ยังคงพิถีพิถันกับซีรีส์ NOTE ยิ่งขึ้น ด้วยการเลือกสรรเทคโนโลยีที่จะมอบคุณภาพเสียงที่น่าประทับใจให้กับผู้บริโภคทั่วโลกภายใต้
แนวคิด Sound by JBL”
อินฟินิกซ์ และ JBL ได้พัฒนาลำโพงคู่ หรือ Dual Speaker ในสมาร์ตโฟนซีรีส์ NOTE40 เพื่อให้ผู้ใช้งานจะได้ดื่มด่ำไปกับเสียงรอบทิศทางแบบ 360 องศา กับประสบการณ์เสียงที่น่าหลงใหลมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีไดอะแฟรม (Diaphragm) หรือ กรวยลำโพงที่ผลิตจากซิลิโคนความยืดหยุ่นสูงและขนาดช่องลำโพงที่ได้รับการพัฒนาจนทำให้ได้ประสิทธิภาพเสียงเบสเพิ่มขึ้นสูงถึง 58% พร้อมเอฟเฟกต์เสียงเบสยังมีความลึกและสมบูรณ์ยิ่งขึ้น และส่วนประกอบอย่างแม่เหล็ก (Magnet) ในลำโพงที่มีถึง 5 ชิ้น ทำให้ซีรีส์ NOTE 40 จะเป็นมาตรฐานใหม่ของสมาร์ตโฟนที่มอบเสียงและประสบการณ์ด้านความบันเทิงให้กับผู้ใช้งานทั้งเพลง วิดีโอ และเกม ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
นอกจากความพิเศษของการร่วมมือกับ JBL แล้ว ซีรีส์ NOTE40 ยังมาพร้อมกับ Cheetah X1 ชิปเซ็ตเอกสิทธิ์ของแบรนด์ ที่อินฟินิกซ์ได้ทุ่มเทกว่าสองปีในการค้นคว้าข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภคทั่วโลกเพื่อการพัฒนาขุมพลังใหม่ที่มีคุณสมบัติครบครันที่สุด ด้วยการนำเทคโนโลยีบรรจุภัณฑ์ขั้นสูง WLP (Wafer Level Package) มาประยุกต์ใช้ จึงสามารถลดขนาดชิปลงให้กลายเป็นหนึ่งในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่เล็กที่สุด เทคโนโลยีนี้จะช่วยให้เส้นทางการส่งสัญญาณมีระยะสั้นลง ลดความล่าช้าของสัญญาณไฟฟ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการส่งข้อมูลความเร็วสูงและการใช้งานความถี่สูง และทำให้ประสิทธิภาพการประมวลผลของชิปต่อหน่วยเพิ่มขึ้นถึง 204%
Cheetah X1 เป็นชิปเซ็ตขนาดเล็ก แต่สามารถรวบรวมสามโมดูลอันทรงพลังทั้งหมดไว้ด้วยกัน และได้รับการออกแบบมาเพื่อจ่ายไฟให้กับ All-Round FastCharge 2.0 นวัตกรรมที่สนับสนุนการชาร์จรอบด้าน พร้อมตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานยุคใหม่ให้หมดกังวลเกี่ยวกับปัญหาของแบตเตอรี่อาทิ อายุการใช้งาน ความพร้อมในการใช้งานในสถานการณ์ต่าง ๆ รวมถึงความทนทานในการใช้งาน พร้อมรองรับสถานการณ์การชาร์จกว่า 8 รูปแบบ ได้แก่ การชาร์จแบบใช้สายความเร็วสูงหลายระดับและสูงสุดที่ 100W การชาร์จแบบไร้สายการชาร์จแบบย้อนกลับแบบมีสาย การชาร์จแบบย้อนกลับแบบไร้สาย การชาร์จแบบบายพาส การป้องกันการชาร์จตอนกลางคืนด้วยระบบ AI โหมดความสามารถในการชาร์จที่อุณหภูมิต่ำสุด –20 องศา ทั้งหมดนี้ช่วยให้มั่นใจได้ถึงประสิทธิภาพที่สม่ำเสมอในกรณีมีการใช้งานหลากหลายฟังก์ชันไปพร้อมกับการชาร์จ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้อย่างครอบคลุมทุกสถานการณ์
นอกจากนี้ ยังมีโมดูลตรวจสอบพลังงานที่มีความแม่นยำสูงที่สามารถตรวจจับกระแสและแรงดันไฟฟ้าได้แบบเรียลไทม์ และปรับระดับการชาร์จให้เกิดความสมดุลระหว่างประสิทธิภาพการชาร์จและการควบคุมอุณหภูมิ เพื่อปกป้องอายุการใช้งานแบตเตอรี่และรักษาสุขภาพของโทรศัพท์ ด้วยการป้องกัน 63 รายการ ครอบคลุมทุกสถานการณ์ รวมถึงการชาร์จในรูปแบบไม่ปลอดภัยที่อาจเกิดขึ้นได้เกือบทั้งหมด การป้องกันเหล่านี้จะเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติผ่านความสามารถในการตรวจสอบและจดจำของชิป และถ่ายทอดข้อมูลไปยังโปรโตคอลอื่น ๆ ในโทรศัพท์ และแจ้งเตือนไปยังผู้ใช้งานเพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย
เตรียมพบกับเทคโนโลยีสุดล้ำและความพิเศษจาก Infinix NOTE 40 ที่เตรียมเปิดตัวในไทยอย่างเป็นทางการในเดือนเมษายนนี้