OPPO เปิดตัว OPPO Reno14 Series 5G รุ่นใหม่ ถ่ายภาพพอร์ตเทรต ล้ำไปอีกขั้นพร้อมจับมือ AIS มอบโปรสุดคุ้ม ราคาเริ่มต้นเพียง 7,299 บาท

     OPPO นำโดย ชานนท์ จิรายุกุล ประธานกรรมการอาวุโสฝ่ายบริหาร ออปโป้แห่งประเทศไทย (ซ้าย) เปิดตัว OPPO Reno14 Series 5G รุ่นใหม่ อัปเกรดประสบการณ์ The AI Portrait Expertมอบประสบการณ์ถ่ายภาพพอร์ตเทรตที่ล้ำไปอีกขั้น พร้อมจับมือกับพันธมิตรอย่าง AIS โดย ประพัฒน์ เสียงจันทร์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านธุรกิจค้าปลีกAIS (ขวา) มอบประสบการณ์ความเร็วแรงบนโครงข่าย 5G อัจฉริยะ กับเทคโนโลยีใหม่ AIS 5G+ NRCA ให้คุณดาวน์โหลด อัปโหลดข้อมูลได้รวดเร็ว และเสถียรยิ่งขึ้น

    ลูกค้า AIS สั่งซื้อ OPPO Reno14 Series 5G ในราคาสุดพิเศษ ไม่ว่าจะเป็น ซื้อเครื่องพร้อมแพ็กเกจในราคาเริ่มต้นเพียง 7,299 บาท หรือรับส่วนลดสูงสุด 10,000 บาท, ใช้เอไอเอสพอยท์ 10 คะแนน แลกรับส่วนลดสูงสุด 1,500 บาท เมื่อซื้อเครื่องเปล่าไม่ติดสัญญา, รับฟรี AIS Care+ แพ็กเกจดูแลเครื่องทุกกรณีนาน 1 เดือน, รับของแถมแบบ Exclusive มูลค่าสูงสุด 21,048 บาท นอกจากนี้ยังได้รับสิทธิ์ส่วนลดพิเศษมูลค่าสูงสุด 1,000 บาท เมื่อจอง OPPO Reno14 Series และซื้อ OPPO Pad SE รุ่น LTE และ OPPO Watch X2 Mini

OPPO Reno14 Series 5G อัปเกรดประสบการณ์ The AI Portrait Expert ให้คุณถ่ายพอร์ตเทรตสวยด้วยการอัปเกรดไปอีกขั้น

     พร้อมวางจำหน่ายใน 3 รุ่น ได้แก่ OPPO Reno14 F 5G, OPPO Reno14  5G และ OPPO Reno14 Pro 5G อีกทั้งยังมาพร้อมกับการอัปเกรดประสบการณ์ The AI Portrait Expert ถ่ายพอร์ตเทรตสวยด้วยการอัปเกรดไปอีกขั้น ถ่ายภาพพอร์ตเทรตในที่แสงน้อยด้วย AI Flash Photography ถ่ายพอร์ตเทรตสุดชิคด้วย AI แฟลช มาพร้อมกับแฟลชที่สว่างที่สุดในเรตราคานี้ มอบการถ่ายพอร์ตเทรตสุดชิค โดดเด่นแบบไอดอล ไม่ตกเทรนด์ คมชัดทุกสภาพแสง พร้อมเป็นเพื่อนคู่ใจในทุกการถ่ายภาพ พร้อมเครื่องมือปรับแต่งภาพ AI แก้ไขภาพอัจฉริยะ 2.0 อย่าง AI ปรับเฟรมภาพ จัดองค์ประกอบภาพให้เป๊ะในคลิกเดียว ด้วย AI ปรับหน้าเป๊ะ ปรับสีหน้าปัง ไม่พลาดช็อตสำคัญ พร้อมด้วยมาตรฐานกันน้ำและกันฝุ่น IP69 พร้อมนำทุกเทรนด์ถ่ายภาพ

     OPPO Reno14 F 5G มาพร้อมดีไซน์ใหม่ลวดลายหางปลาพลิ้วไหวและสีสันหลากหลายบนฝาหลังในสีฟ้า Opal Blue นำเทรนด์ในสีชมพู Glossy Pink และ เรียบหรูแมตช์ทุกสไตล์ในสีเขียว Luminous Green อีกทั้งยังเล่นเกมสะใจ มันส์ทุกแมตช์ ไม่มีสะดุดด้วย AI Ultra-thin Dual-Drive Cooling System ระบบระบายความร้อน AI แบบคู่บางพิเศษ และ AI LinkBoost 3.0 มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 6,000mAh และชาร์จไว 45W SUPERVOOC

    OPPO Reno14 5G โดดเด่นด้วยดีไซน์ลวดลายหางปลาพลิ้วไหวบนฝาหลังในสีขาว Opal White และ เรียบหรูแมตช์ทุกสไตล์ในสีเขียว Luminous Green พร้อมมอบวิดีโอที่คมชัดและสดใสมากยิ่งขึ้นด้วย AI Enhanced 4K HDR Video รองรับการบันทึกวิดีโอ 4K HDR ครบทุกระยะเลนส์ มอบประสบการณ์การเล่นเกมมันส์ทุกแมตช์ ไม่มีสะดุดด้วย AI Nano Dual-Drive Cooling System ระบบระบายความร้อน AI แบบนาโนคู่ พร้อมด้วย ชิปเซ็ตระดับเกมมิ่ง MediaTek 23P และ AI LinkBoost 3.0 มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 6000mAh และชาร์จไว 80W SUPERVOOC

    OPPO Reno14 Pro 5G ดีไซน์เป็นเอกลักษณ์ความงดงามแห่งอิสระ ด้วยลวดลายหางปลาพลิ้วไหวและสีสันหลากหลายบนฝาหลังในสีขาว Opal White และ เรียบหรูแมตช์ทุกสไตล์ในสีเทา Titanium Grey มอบวิดีโอคมชัดด้วย AI Enhanced 4K HDR Video รองรับการบันทึกวิดีโอ 4K HDR ครบทุกระยะเลนส์ ตอบโจทย์สายอีสปอร์ตมันส์ทุกแมตช์ ไม่มีสะดุดด้วย AI Nano Dual-Drive Cooling System ระบบระบายความร้อน AI แบบนาโนคู่  พร้อมด้วยชิปเซ็ตระดับเกมมิ่ง MediaTek 24P มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 6,200mAh และชาร์จไว 80W SUPERVOOC พร้อมชาร์จไร้สาย 50W AIRVOOC

    OPPO Reno14 Series 5G พร้อมให้คุณเป็นเจ้าของพร้อมสัมผัสการถ่ายพอร์ตเทรตสวย ๆ ด้วยการอัปเกรดไปอีกขั้นด้วยราคาสุดพิเศษจากเอไอเอสในราคาเริ่มต้นเพียง 7,299 บาท

RELATED NEWS

ทรู คอร์ปอเรชั่น ติดตั้งพร้อมเปิดใช้งานสถานีฐานมือถือ “ภูมะเขือกลาง–ภูมะเขือบน” เสริมสัญญาณ 5G/4G/3G รองรับภารกิจเจ้าหน้าที่รัฐและกองทัพไทย 12 กันยายน 2568 – ทรู คอร์ปอเรชั่น ร่วมกับกองทัพไทย และสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ประกาศความพร้อมในการเปิดใช้งานสถานีฐานมือถือที่ “ภูมะเขือกลางและภูมะเขือบน” โดยเครือข่ายที่ติดตั้งครอบคลุมการใช้งาน 5G, 4G และ 3G รองรับการสื่อสารของหน่วยงานภาครัฐและกองทัพที่ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ภูมะเขือ ทั้งนี้ พื้นที่ดังกล่าวเดิมไม่มีสัญญาณสื่อสารมือถือ ทำให้การติดต่อสื่อสารของหน่วยงานเป็นไปอย่างจำกัด ทรู คอร์ปอเรชั่น จึงได้เร่งดำเนินการตามคำขอของภาครัฐในการเพิ่มสัญญาณเพื่อภารกิจความมั่นคงและปฏิบัติควบคู่ไปกับมาตรการควบคุมเสาสัญญาณของ กสทช. “ภูมะเขือ” ถือเป็นพื้นที่สำคัญที่กองทัพไทยใช้ปฏิบัติภารกิจเพื่อป้องกันอธิปไตยของชาติและรักษาความมั่นคง ดังนั้น การขยายสัญญาณมือถือของทรูในครั้งนี้ ได้นำ 5G, 4G, 3G มุ่งเน้นการสนับสนุนการสื่อสารเชื่อมต่อระหว่างหน่วยปฏิบัติการ การรายงานสถานการณ์แบบเรียลไทม์ การส่งข้อมูลภาพและวิดีโอ รวมถึงการดูแลและซ่อมบำรุงสถานีฐานเพื่อให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ภาครัฐและกองทัพไทย นายจักรกฤษณ์ อุไรรัตน์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านกิจการองค์กร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เราได้สนับสนุนกองทัพไทยในการรักษาความมั่นคงชายแดนอย่างเต็มที่ หลังได้รับการประสานจากกองทัพ และ สำนักงาน กสทช. แจ้งว่าพื้นที่ภูมะเขือไม่มีสัญญาณสื่อสารมือถือ ทำให้การติดต่อสื่อสารของหน่วยงานภาครัฐเป็นไปอย่างยากลำบาก ทีมงานทรูจึงได้เข้าไปร่วมสำรวจพื้นที่กับหน่วยงานภาครัฐ ประสานงานกับการไฟฟ้าภูมิภาค จนสามารถดำเนินการติดตั้งอุปกรณ์สัญญาณมือถือบนเสาไฟฟ้าในพื้นที่ภูมะเขือ ทั้งบริเวณกลางและบนยอด ทำให้ล่าสุดหน่วยงานภาครัฐและกองทัพไทยสามารถสื่อสารผ่านมือถือทั้ง 5G, 4G, 3G ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยครอบคลุมเฉพาะพื้นที่ที่กองทัพไทยประจำการเท่านั้น ขณะเดียวกัน เราได้ระงับสัญญาณมือถือในพื้นที่ชายแดนตามมาตรการที่ตกลงร่วมกับภาครัฐ และ กสทช. อย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันไม่ให้สัญญาณทรูถูกนำไปใช้นอกประเทศ และลดความเสี่ยงจากการใช้สัญญาณผิดวัตถุประสงค์เพื่อความปลอดภัยของประชาชน” นายประเทศ ตันกุรานันท์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านเทคโนโลยีและความปลอดภัยระบบสารสนเทศ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เราได้ร่วมมือในการขยายสัญญาณสื่อสารเพื่อสนับสนุนการทำงานของหน่วยงานภาครัฐและกองทัพที่ปฏิบัติภารกิจบนพื้นที่ภูมะเขือ โดยติดตั้งสถานีฐานใหม่ให้ครอบคลุมการใช้งานด้วยคลื่น 700 MHz และ 900 MHz ซึ่งรองรับทั้ง 5G, 4G และ 3G พร้อมกำหนดพื้นที่ให้สัญญาณครอบคลุมเฉพาะบริเวณที่เจ้าหน้าที่ประจำการ เพื่อให้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด” การติดตั้งสถานีฐานบนภูมะเขือครั้งนี้ เป็นความร่วมมือที่ต่อเนื่องในการพัฒนาความครอบคลุมของสัญญาณ ตามคำขอจากภาครัฐ และ กสทช. หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้สนับสนุนการเพิ่มสัญญาณแบบเร่งด่วน โดยปรับทิศทางการส่งสัญญาณจากเสาที่ผามออีแดงมายังภูมะเขือ การดำเนินการครั้งนั้นใช้คลื่น 700 MHz ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงในการกระจายสัญญาณระยะไกลจากผามออีแดง ให้บริการทั้ง 5G และ 4G และยังเสริมด้วยคลื่น 2100 MHz เพื่อให้บริการ 4G และ 3G ครอบคลุมพื้นที่สูงบนภูมะเขือได้ดียิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน เสาสัญญาณต่างๆ ในพื้นที่ใกล้ชายแดนไทย-กัมพูชา ทรู คอร์ปอเรชั่นยังนำระบบ AI-CODC (Cell Outage Detection & Compensation) มาใช้เพื่อดูแลสถานีฐาน โดยระบบนี้เป็น Self Healing Network ใช้ปัญญาประดิษฐ์บริหารจัดการเครือข่ายและมอนิเตอร์ได้แบบเรียลไทม์ ซึ่งทำหน้าที่ปรับจูนสัญญาณอัตโนมัติจากสถานีฐานอื่นที่ใกล้เคียง เพื่อมาชดเชยสัญญาณเครือข่ายในพื้นที่ที่สถานีฐานแห่งนั้นประสบปัญหา ทำให้สัญญาณยังคงครอบคลุมการให้บริการได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งช่วยลดความจำเป็นในการส่งทีมเจ้าหน้าที่เข้าไปปฏิบัติงานในพื้นที่เสี่ยงและเพื่อความปลอดภัย แต่ยังคงคุณภาพการให้บริการที่มีประสิทธิภาพในพื้นที่

Follow Us

Lasted News

ทรู คอร์ปอเรชั่น ติดตั้งพร้อมเปิดใช้งานสถานีฐานมือถือ “ภูมะเขือกลาง–ภูมะเขือบน” เสริมสัญญาณ 5G/4G/3G รองรับภารกิจเจ้าหน้าที่รัฐและกองทัพไทย 12 กันยายน 2568 – ทรู คอร์ปอเรชั่น ร่วมกับกองทัพไทย และสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ประกาศความพร้อมในการเปิดใช้งานสถานีฐานมือถือที่ “ภูมะเขือกลางและภูมะเขือบน” โดยเครือข่ายที่ติดตั้งครอบคลุมการใช้งาน 5G, 4G และ 3G รองรับการสื่อสารของหน่วยงานภาครัฐและกองทัพที่ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ภูมะเขือ ทั้งนี้ พื้นที่ดังกล่าวเดิมไม่มีสัญญาณสื่อสารมือถือ ทำให้การติดต่อสื่อสารของหน่วยงานเป็นไปอย่างจำกัด ทรู คอร์ปอเรชั่น จึงได้เร่งดำเนินการตามคำขอของภาครัฐในการเพิ่มสัญญาณเพื่อภารกิจความมั่นคงและปฏิบัติควบคู่ไปกับมาตรการควบคุมเสาสัญญาณของ กสทช. “ภูมะเขือ” ถือเป็นพื้นที่สำคัญที่กองทัพไทยใช้ปฏิบัติภารกิจเพื่อป้องกันอธิปไตยของชาติและรักษาความมั่นคง ดังนั้น การขยายสัญญาณมือถือของทรูในครั้งนี้ ได้นำ 5G, 4G, 3G มุ่งเน้นการสนับสนุนการสื่อสารเชื่อมต่อระหว่างหน่วยปฏิบัติการ การรายงานสถานการณ์แบบเรียลไทม์ การส่งข้อมูลภาพและวิดีโอ รวมถึงการดูแลและซ่อมบำรุงสถานีฐานเพื่อให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ภาครัฐและกองทัพไทย นายจักรกฤษณ์ อุไรรัตน์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านกิจการองค์กร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เราได้สนับสนุนกองทัพไทยในการรักษาความมั่นคงชายแดนอย่างเต็มที่ หลังได้รับการประสานจากกองทัพ และ สำนักงาน กสทช. แจ้งว่าพื้นที่ภูมะเขือไม่มีสัญญาณสื่อสารมือถือ ทำให้การติดต่อสื่อสารของหน่วยงานภาครัฐเป็นไปอย่างยากลำบาก ทีมงานทรูจึงได้เข้าไปร่วมสำรวจพื้นที่กับหน่วยงานภาครัฐ ประสานงานกับการไฟฟ้าภูมิภาค จนสามารถดำเนินการติดตั้งอุปกรณ์สัญญาณมือถือบนเสาไฟฟ้าในพื้นที่ภูมะเขือ ทั้งบริเวณกลางและบนยอด ทำให้ล่าสุดหน่วยงานภาครัฐและกองทัพไทยสามารถสื่อสารผ่านมือถือทั้ง 5G, 4G, 3G ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยครอบคลุมเฉพาะพื้นที่ที่กองทัพไทยประจำการเท่านั้น ขณะเดียวกัน เราได้ระงับสัญญาณมือถือในพื้นที่ชายแดนตามมาตรการที่ตกลงร่วมกับภาครัฐ และ กสทช. อย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันไม่ให้สัญญาณทรูถูกนำไปใช้นอกประเทศ และลดความเสี่ยงจากการใช้สัญญาณผิดวัตถุประสงค์เพื่อความปลอดภัยของประชาชน” นายประเทศ ตันกุรานันท์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านเทคโนโลยีและความปลอดภัยระบบสารสนเทศ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เราได้ร่วมมือในการขยายสัญญาณสื่อสารเพื่อสนับสนุนการทำงานของหน่วยงานภาครัฐและกองทัพที่ปฏิบัติภารกิจบนพื้นที่ภูมะเขือ โดยติดตั้งสถานีฐานใหม่ให้ครอบคลุมการใช้งานด้วยคลื่น 700 MHz และ 900 MHz ซึ่งรองรับทั้ง 5G, 4G และ 3G พร้อมกำหนดพื้นที่ให้สัญญาณครอบคลุมเฉพาะบริเวณที่เจ้าหน้าที่ประจำการ เพื่อให้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด” การติดตั้งสถานีฐานบนภูมะเขือครั้งนี้ เป็นความร่วมมือที่ต่อเนื่องในการพัฒนาความครอบคลุมของสัญญาณ ตามคำขอจากภาครัฐ และ กสทช. หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้สนับสนุนการเพิ่มสัญญาณแบบเร่งด่วน โดยปรับทิศทางการส่งสัญญาณจากเสาที่ผามออีแดงมายังภูมะเขือ การดำเนินการครั้งนั้นใช้คลื่น 700 MHz ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงในการกระจายสัญญาณระยะไกลจากผามออีแดง ให้บริการทั้ง 5G และ 4G และยังเสริมด้วยคลื่น 2100 MHz เพื่อให้บริการ 4G และ 3G ครอบคลุมพื้นที่สูงบนภูมะเขือได้ดียิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน เสาสัญญาณต่างๆ ในพื้นที่ใกล้ชายแดนไทย-กัมพูชา ทรู คอร์ปอเรชั่นยังนำระบบ AI-CODC (Cell Outage Detection & Compensation) มาใช้เพื่อดูแลสถานีฐาน โดยระบบนี้เป็น Self Healing Network ใช้ปัญญาประดิษฐ์บริหารจัดการเครือข่ายและมอนิเตอร์ได้แบบเรียลไทม์ ซึ่งทำหน้าที่ปรับจูนสัญญาณอัตโนมัติจากสถานีฐานอื่นที่ใกล้เคียง เพื่อมาชดเชยสัญญาณเครือข่ายในพื้นที่ที่สถานีฐานแห่งนั้นประสบปัญหา ทำให้สัญญาณยังคงครอบคลุมการให้บริการได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งช่วยลดความจำเป็นในการส่งทีมเจ้าหน้าที่เข้าไปปฏิบัติงานในพื้นที่เสี่ยงและเพื่อความปลอดภัย แต่ยังคงคุณภาพการให้บริการที่มีประสิทธิภาพในพื้นที่

Scroll to Top